๒๕๕๑-๐๘-๑๓

รอยยิ้มของ"หลินเมี่ยวเข่อ"บนเสียงเงียบของ"หยางเพ่ยอี้"

...ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์อีกแล้ว ดีหน่อยที่เป็นโทรศัพท์ทรัพย์ เรียกไปอ่านสปอตราคาขี้ (ข้าพเจ้ามักถูกเรียกใช้บ่อยๆ เนื่องจากรับงานราคาถูกเหมือนขี้..จะขึ้นก็กลัวลูกค้าหนี).. รีบๆล่กๆรีบมาออฟฟิศ นั่งฟังธรรมมะท่านพุทธทาสไปตลอดทาง เพราะรู้สึกพักนี้จิตใจฟุ้งซ่านเหลือเกินจากการหยุดยาว 4 วัน มาออฟฟิศมีอะไรทำก็รู้สึกดีขึ้น ส่วนหนึ่งคงเพราะมีสมาธิกับงานจนไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับตนเอง เดี๋ยวนี้ก่อนนอนต้องสวดมนต์ทุกคืน(เช้า) แรกๆก็เพราะอยากทำให้ใจสงบบรรเทาจาก อาการไม่กล้านอนกลัวการหลับ แล้วก็เปลี่ยนมาสวดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เพื่อนที่ป่วย ล่าสุดกลายเป็นสวดเพื่อง่วงไปซะแล้ว เพราะยิ่งสวดก็ยิ่งยาว พอสวดยาวๆซ้ำๆไปมาสมองก็ง่วงโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน

ตอนนี้ข้าพเจ้าอ้วนขึ้นกว่าเมื่อสัก 3 เดือนก่อน ร่วม6-7 กิโลกรัม ผลพวงจากบอลยูโรที่ทำให้หิวดึกๆ กินดึกๆก่อนนอน ร่างกายเลยบวมขึ้นจากคนตัวโตหน้าตาดี กลายเป็นคิงคองยักษ์หน้าตาดีไปแล้ว ^_^ ตั้งใจจะออกกำลังกายให้ได้วันเว้นวัน ยิ่งอ้วนก็ยิ่งรู้สึกอ่อนแอทั้งกายใจ แถมยังเปลืองอาหารกับพลังงานต่างๆบนโลกอีก .. บางอารมณ์ข้าพเจ้าแอบคิดแบบขี้ตู่ว่า ถ้ามีแฟนหรือเป้าหมายที่อยากให้เป็นแฟน ข้าพเจ้าน่าจะลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่านี้

อ่านข่าว "หลินเมี่ยวเข่อ"หมวยน้อยสุดน่ารักที่ออกมาร้องเพลงในพิธีเปิดโอลิมปิก 2008 จนคนหลายพันล้านชื่นชมกลายเป็นเรื่องลวงโลก เพราะความจริงเป็นการลิปซิงค์เสียงร้องของหมวยน้อยอีกคน เนื่องจากเหตุผลแปลกๆว่า หนูน้อยที่ร้องจริง "หยางเพ่ยอี้"เสียงดีแต่ไม่น่ารักพอและฟันไม่สวย โดยทางผู้จัดต้องการให้พิธีเปิดสมบูรณ์แบบจึงตัดสินใจเช่นนี้

ส่วนฝ่ายหนูน้อยหยางเจ้าของเสียงบอกว่า "หนูไม่เสียใจเลย หนูรู้สึกภูมิใจมากที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นคนร้องเพลงนี้"..... ข้าพเจ้าอ่านแล้วรู้สึกสังเวช...ในผลประโยชน์ของผู้ใหญ่ ที่ต้องแลกด้วยความภาคภูมิใจอันไร้เดียงสาของเด็ก ...ที่เสียงเพราะๆของเธอต่อหน้าคนทั่วโลกค่อยๆลอยหายไปในสายลมอย่างเงียบงัน.....


1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เจ้าภาพนี่ใจร้ายจริงๆ ผู้ใหญ่อะร๊ายยย ไม่รักเด็กเลย รักแต่หน้าตาตัวเอง