๒๕๕๑-๐๙-๒๙

คนไฟมอด

.. วันนี้ฟ้าสว่างดี สายลมพัดกำลังพอเหมาะ ไม่พัดโบกแรงฟู่ๆกระหน่ำหน้าต่างจนต้องตื่นนอนแบบตลอดสัปดาห์ก่อน... ไม่ชอบลมแรงเลย มันดูน่ากลัวพิกล เหมือนมันโกรธอะไรอยู่..

มาทำงาน เบื่อกับแผนกข้างเคียง ที่ไม่ยอมคิดอะไรเพิ่มเติมเอง อยากได้อะไรให้เราหามาให้ งาน 100% รอให้เราทำไปให้ซะ 70 % แล้วค่อยคิดต่อ ก็เข้าใจอยู่ว่า เขาคงเบื่อระบบที่ทำแล้วต้องแก้แล้วแก้อีก คิดจนสมองบุบหลายๆรอบก็ไม่ผ่านซะที แต่การแก้ปัญหาโดยไม่คิดแล้ว ให้พวกเอ็งคิดมาจนเกือบเสร็จเลยละกันฉันค่อยมาทำต่อจะได้ไม่ต้องแก้เยอะ มันก็ไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีนะ ... ก็เข้าใจทุกฝ่าย ... มันก็มีการเบื่อจนไฟมอดกันบ้าง

ข้าพเจ้าเองก็ไฟมอดไปมาก ถ้าเทียบตอนทำงานใหม่ๆ ร้อยแรงเหมือนไฟประลัยกัลป์เผาเขาพระสุเมรุได้ทั้งลูก ผ่านไป 7 ปี ตอนนี้ก็คงกลายเป็นไม้ขีดชื้นๆที่เสือกเปียกน้ำจนจุดไม่ค่อยติดอีกตะหาก แรงกระตุ้นรอบได้ไม่มีเลย ทั้ง คนร่วมงาน ทั้ง เงินร่วมกระเป๋าตังค์.. หลายๆครั้งที่ไม่ค่อยทุ่มเทเท่าไหร่นัก ของแบบนี้ปล่อยไว้คงไม่ดีแน่ๆ ต้องการทางกระตุ้นต่อมมืออาชีพของตนเองซะหน่อย ส่วนจะโดยวิธีทางใด ก็ต้องคิดกันอีกที

ขึ้นชื่อว่างาน ว่าทำเป็นอาชีพ.. อย่างน้อยเวลาที่คนหยิบผลงานของเราขึ้นมามอง ก็อยากให้ด้วยสายตาชื่นชมมากกว่าเย้ยหยัน...
ถึงเราจะเป็นเพียงฟันเฟืองขี้ปะติ๋ว ที่อยู่หลืบในของชิ้นงานนั้น แถมมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นอีก...เราก็ควรยิ้มให้ตัวเองได้ เมื่อชิ้นงานออกมา...

แม้ว่า "เงินเป็นของคนอื่น.....แต่ความภูมิใจ...เป็นของเรา"

ไม่มีความคิดเห็น: